Death the Kid  - Soul Eater 3

PSYCHO - PASS THE MOVIE!!



กำกับ: ชิโอทานิ นาโอโยชิ (Blood-C: The Last Dark)
เขียนบท: อุโรบุจิ เก็น (Fate/Zero, Phantom, มาโดกะ)
เพลงบรรเลง: คันโนะ ยูโกะ (JoJo's Bizarre Adventure: Stardust Crusaders, Gundam Reconguista in G)
ออกแบบตัวละคร: อาซาโนะ เคียวจิ (Shingeki no Kyojin)
เพลงประกอบ: Ling Tosite Sigure
สตูดิโอผลิต: Production I.G



เรื่องย่อ 

ปี 2116 รัฐบาลญี่ปุ่นได้เริ่มส่งหุ่นโดรนที่ควบคุมด้วยระบบซิบิลออกไปยังประเทศอื่นที่ประสบปัญหาทำให้ระบบถูกแผ่ขยายครอบคลุมไปทั่วโลก ด้วยการที่ต้องผจญกับสงครามกลางเมือง SEAUn (the South East Asia Union) หรือสหภาพเอซียตะวันออกเฉียงใต้ได้นำระบบซิบิลเข้ามาทำการทดลองใช้งาน ภายใต้ระบบการปกครองใหม่ นครชายหาดอย่างชัมบาลาโฟลตจึงกลับมาสงบสุขในชั่วเวลาหนึ่ง จนเมื่อ SEAUn ส่งผู้ก่อการร้ายลอบเข้ามายังประเทศญี่ปุ่นโดยบุกทะลวงฝ่าระบบซิบิลเข้ามาภายในแล้วจู่โจ่ม เงาของชายผู้คุ้นหน้าคุ้นตาก็ฉายปรากฎขึ้นภายใต้เหตุการณ์ดังกล่าวนี้ ในฐานะเจ้าหน้าที่ตำรวจ สึเนโมริอาคาเนะจึงได้เดินทางไปยังชัมบาลาโฟลตเพื่อทำการสืบสวน ความจริงของความยุติธรรมบนผืนแผ่นดินใหม่แห่งนี้จะถูกทำให้ประจักษ์ชัดขึ้น


กำหนดฉาย : 9 มกราคม 2015 นี้!!


psycho-pass the movie สปอย


 

เรื่องราวในภาพยนตร์เกิดขึ้นในปี 2116 เมื่อกลุ่มประเทศสหภาพเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ หรือ SEAUn เริ่มรับเอาระบบซีบิลจากญี่ปุ่นเข้าไปใช้ในการปกครอง โดยเริ่มทดลองใช้ในส่วนของเมืองหลวงลอยน้ำ ชื่อ ชัมบาลาโฟลตสวนสวรรค์ซึ่งอนุญาตให้เฉพาะผู้มีค่าไซโคพาสดีอยู่อาศัยอย่างสุขสบาย ด้านประเทศญี่ปุ่นในขณะนั้นหน่วยสืบสวนอาชญากรรมก็สามารถจับกุมกลุ่มผู้ก่อการร้ายข้ามชาติได้ขณะกำลังพยายามหลบหนี โดยภาพที่ได้จากความทรงจำของหนึ่งในผู้ก่อการร้าย มีความคล้ายคลึงกับอดีตเจ้าหน้าปฏิบัติการแห่งหน่วยสืบสวอาชญากรรม แผนกที่ 1 กรมรักษาความสงบ กระทรวงสาธารณสุข โคงามิ ชินยะซึ่งหายตัวไป เจ้าหน้าที่สังเกตการณ์ สึเนโมริ อาคาเนะจึงอาสาเดินทางไปยังชัมบาลาโฟลต เพื่อสืบสวนเรื่องดังกล่าว



ฉากหลังของภาพยนตร์เรื่องนี้อย่าง ชัมบาลาโฟลต เมืองหลวงลอยน้ำของ SEAUn (ลักษณะคล้ายๆ กลุ่มประเทศ AEC ที่รวมตัวกันแบบ EU น่ะครับ แอบสเตอริโอไทป์ชาวเอเชียตะวันออกเฉียงใต้นิดนึงด้วยการมีฉากเป็นปราสาทหินเก่า นครวัด พระตะบอง เสียมราฐ ในขณะที่ผู้นำหน้าตาดูจีนๆ  ชื่อฟังดูฮ่องกง ) เป็นเมืองไฮเทคที่รับเอาความเจริญจากระบบซีบิลเข้าไป และปิดกั้นให้ผู้ที่ได้รับเลือกเท่านั้นให้เข้ามาอาศัยอยู่อย่างสะดวกสบาย ในขณะที่พวกที่เป็นอาชญากรแฝงนั้นต้องประกอบอาชีพระดับล่าง อย่างบริกร คนขับรถ ฯลฯ แต่ที่แย่ยิ่งกว่าก็คือเหล่าประชาชนอีกมากมายที่ไม่มีโอกาสแม้แต่จะเข้าไปในชัมบาลาโฟล์ต ซึ่งต้องอยู่อย่างแร้นแค้นในพื้นที่ภายนอกซึ่งยังมีสงครามไม่เว้นวันนั้นสะท้อนปัญหาความเหลื่อมล้ำในประเทศแถบนี้ได้ดีทีเดียว


อ้อ สิ่งนึงที่ผมพึ่งรู้คือ ระบบซีบิลนี่มันมีใช้แค่ในญี่ปุ่นเหรอ ดูอนิเมะแล้วเข้าใจว่ามันมีใช้กันทั่วโลกแล้วตลอดเลย  ก็ในเรื่องย่อทางการใช้คำว่า อาชญากรทั่วโลกพอได้ดูฉบับภาพยนตร์นี้เลย อ้าว พึ่งมีประเทศอื่นลองใช้เองเหรอ?
สิ่งที่การันตีความสนุกของฉบับภาพยนตร์นี้ได้เป็นอย่างดีคือการได้ จอมมารโอโรบุชิ เก็น (ไซโค-พาส ซีซัน 1, สาวน้อยเวทมนตร์ มาโดกะ มาจิก้า) กลับมารับหน้าที่เขียนบทอีกครั้ง หลังจากที่แฟน หลายคนบ่นว่าไซโค-พาส ซีซัน 2 นั้น เมื่อปราศจากจอมมารแล้วก็น่าเบื่อ ได้แต่ทนดูให้จบ ไป ด้านการกำกับนั้นได้ คัตสึยูกิ โมโตฮิรุ และชิโอทานิ นาโอโยชิ มากุมบังเหียน โดยฉบับภาพยนตร์นี้เข้าฉายครั้งแรกในญี่ปุ่นไปตั้งแต่ช่วงต้นปีที่ผ่านมา




มองกันที่เนื้อเรื่อง ฉบับภาพยนตร์นี้ น่าจะเรียกว่าเป็นการแก้ไขความไม่น่าอภิรมย์ของซีซัน 2 มากกว่า หากจะมองในแง่ของการเติมเต็มตอนจบของฉบับอนิเมะนั้นก็คงไม่ใช่เสียทีเดียว แต่อย่างไรก็ตาม ประเด็นด้านประชาธิปไตย สิทธิในการคิดจะเป็นอะไร จะทำอะไร ของผุ้คนนั้น ยังคงสื่อออกมาได้อย่างเข้มข้น อาจจะเพราะเราอยู่ในประเทศไทยด้วยหรือเปล่า ช่วงนี้เราจึงอินกับประเด็นอะไรพวกนี้เป็นพิเศษ (เอ๊ะ?) และก็เป็นเพราะเนื้อเรื่องส่วนใหญ่ไม่ได้เกิดขึ้นในญี่ปุ่น ฉะนั้นประเด็นของระบบซีบิลก็เลยยังไม่ได้มีการต่อยอดจากตอนจบของอนิเมะแต่อย่างใด สิ่งหนึ่งที่ผมกล้าพูดเลยว่า ถ้าคุณเป็นแฟนไซโค-พาส แล้วคุณพลาดโอกาสมาดูในโรงครั้งนี้ ต่อให้ในอนาคตคุณมีโอกาสได้ดูมัน ไม่ว่าจะผ่านดีวีดี บลูเรย์ หรือแม้แต่จะไปสตรีมดูเอง มันก็จะยังมีสิ่งหนึ่งที่ขาดหายไป



นั่นก็คือ เพื่อนร่วมแอร๊ยครับ การ แอร๊ยที่ผมพูดถึงนี้มีทุกระดับมากครับ ตั้งแต่เขินอายเบา ไปจนถึงครางออกเสียง ตีอกชกท้อง กระทืบเท้า ทุบที่วางมือ แต่ที่เด็ดสุดก็คือการ Standing Ovation ลุกขึ้นยืนปรบมือระหว่างฉายหนังเลย ถ้าคุณเป็นกองอวย.. ไม่ว่าคุณจะอวยคู่ไหน โคงามิxกิโนะ โคงามิxสึเนโมริ หรือแม้แต่ โคกามิx(บอกไม่ได้ บอกไปเดี๋ยวไม่แอร๊ย) ฉบับภาพยนตร์นี้จะไม่ทำให้คุณผิดหวังแม้แต่คนเดียวครับ ในโรงนี่เกิดความสามัคคีสมานฉันท์ระหว่างกองกันเลย



เวลาดูเรื่องนี้อยู่ที่บ้านคนเดียว ผมก็รู้สึกว่ามันเป็นอนิเมะที่สนุกและซีเรียส ถึงแม้ว่า แน่ละ มีตัวละครหล่อ แบบนี้ต้องมีการจิ้นเกิดขึ้นอยู่แล้ว แค่ไม่คิดว่าจะได้มาสัมผัสการจิ้นพร้อม กันแบบเรียลไทม์โดยแฟนเกิร์ล (และแฟนบอย) จำนวนกว่าร้อยชีวิต เป็นประสบการณ์ครั้งหนึ่งที่จะตราตรึงในจิตใจต่อไปครับ อีกหนึ่งสิ่งที่ผมคิดว่าทำได้ดีมากคือ ทุกการปรากฏตัวของตัวละครในฉบับภาพยนตร์นี้ ล้วนสามารถเรียกเสียงฮือฮา (และเสียงแอร๊ย) จากคนดูได้แทบทั้งหมด (ยกเว้นคุณหัวเห็ดผู้เหมือนจะเป็นนางเอก ที่ขนาดแก้ผ้าอาบน้ำโชว์ยังไม่มีใครส่งเสียงซักแอะ)





ไม่ว่าจะเป็นบรรดาตัวละครเก่าจากฉบับอนิเมะ, ตัวละครเก่าจากฉบับอนิเมะที่มาในลุคใหม่ อย่างกิโนสะกับผมหางม้าโพนี่เทลที่น่าดึงเล่นนั่น, ตัวละครเก่าที่ม่องเท่งไปแล้วในอนิเมะ หรือตัวละครใหม่อย่าง นิโคลัส หว่องผู้นำทหารของ SEAUn ซึ่งหล่อบาดตาบาดใจ และยิ่งฮือแตกกันทั้งโรงเมื่อพี่แกอ้าปากพูด เพราะคนให้เสียงพากย์ตัวละครนี้ไม่ใช่ใครแต่เป็น คามิยันคามิยะ ฮิโรชิ นั่นเอง ไหน ก็พูดถึงเสียงพากย์ เนื่องจากฉบับภาพยนตร์นี้ไม่ได้อยู่กันแค่ในญี่ปุ่น แต่ออกมาต่างประเทศด้วย ฉะนั้นก็จะมีฉากที่ตัวละครพูดภาษาอังกฤษกัน ซึ่งก็.. แอบตลกนิดนึง อันนี้ฟังโดยไม่ได้มีเรซิสต์มายด์ว่าคนญี่ปุ่นพูดอังกฤษไม่ชัดเลยนะฮะ เป็นความรู้สึกเฉย ถ้าถามว่ามันทำให้หนังแย่ลงมั้ย ก็ไม่ ส่วนซับไตเติลนั้น ภาษาไทยผมไม่คิดว่ามีอะไรติดขัดครับ แต่คนที่ฟังภาษาญี่ปุ่นออกจะพบจุดที่แปลพลาดไหมนั้นผมไม่ทราบ


องค์ประกอบอื่น เช่นงานภาพนั้นสวยงามจนไม่มีอะไรให้ติ ไม่มีจุดไหนที่รู้สึกว่าเผา ดนตรีประกอบก็ไม่มีอะไรที่ฟังแล้วติดขัด น่าเสียดายที่ได้ดูรอบเดียวยังไม่พอจะเก็บรายละเอียดครับ เพราะมัวแต่ แอร๊ยกับหลาย สิ่ง หลาย อย่างในภาพยนตร์ คงต้องรอแผ่นจาก DEX ซึ่งจากเมลแจ้งที่นั่ง เข้าใจว่าจะมีวางจำหน่ายในช่วงเดือนธันวาคมนี้



หลังการฉายภาพยนตร์จบลง ทาง DEX มีกิจกรรมลุ้นรับของเล่นปืนโดมิเนเตอร์ราคาร่วมหมื่นด้วย โดยแจกกระดาษให้ผู้มาชมภาพยนตร์ปั๊มตัวเลขลงไป 6 หลัก และทีมงานจะสุ่มหยิบตัวเลขขึ้นมา ผมซึ่งไม่ได้อยากได้ขนาดนั้น พอได้เห็นยังเผลอลุ้นตาม และแอบรู้สึกอิจฉาน้องคนที่ได้ไปอย่างเบา (กะจะแอบดักตีท้ายทอยปล้นมา) หลังจากนั้นก็มีการถ่ายภาพหมู่พร้อมกันที่หน้าสแตนดี้สองพระนาง และคุณหัวเห็ดตัวประกอบ (หืม) โดยหลังจากกิจกรรมนี้แล้ว DEX ก็มีการแจกโปสเตอร์ด้วย แต่ดูเหมือนว่าหลายคนจะไม่รู้และกลับไปก่อน ผมก็เลยเผอิญได้มาด้วยแผ่นนึง (เป็นรูปสังเกตการณ์สึเนโมริ ว้า ชะนี)



DEX Movie Day ครั้งต่อไปที่ใกล้ที่สุดคือ LoveLive! School Idol Movie วันที่ 29-30 สิงหาคมนี้ ในงาน Japan Expo ซึ่งจะเปิดจองบัตรในวันพรุ่งนี้ (15 กรกฎาคม) ซึ่งผมก็จะไปร่วมด้วยอีกแน่นอน เพราะอยากสนับสนุนให้ DEX นำเข้าผลงานดี แบบนี้มาอีกเรื่อย ครับ ขอบคุณครับ


ขอขอบคุณข้อมูลจาก >> http://anitime.in.th/movie/psycho-pass-movie-review-dex/

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น